จบฮาล์ฟแบบไม่เจ็บ

Neng Liangpornrattana
2 min readNov 10, 2019

--

อยากแชร์ achievement วันนี้หน่อย

คือวันนี้ผมวิ่งจบ half 21 km ได้ครั้งแรกในชีวิตครับ ด้วย pace 7 ซึ่งอันนี้เฉยๆ ครับ

แต่ความตื่นเต้นจริงๆ คือ มันจบได้แบบไม่เจ็บ สิครับ

ต้องย้อนไปอาทิตย์ที่แล้วก่อนว่า ผมวิ่งไป 16 km ละมันเจ็บเข่ามาก

ละอาการเจ็บเข่าเนี่ย มันมีมาทั้งชีวิต ที่ กม ที่ 7–8–9 ราวๆ นี้ ตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยหายเลย เพราะฉะนั้นการวิ่งของผมจะตันอยู่ 10 km นี่แหละ

ผมลองปรับด้วยการลด pace ลง พบว่ามันชะลอการเจ็บได้แฮะ แต่มันโผล่มาตอน กม ที่ 10 ว่ะ ละก็ต้องผ่อนทุกๆ กม ถัดไป ดันทุรังจนได้ 16 km แต่เจ็บเข่าชิหอยยยย

วันนี้ผมจบได้แบบไม่เจ็บ และไม่ได้ซ้อมอะไรเลย จากการวิ่งคราวทีแล้ว ถึงซ้อมมันไม่มีทางเพิ่มระยะได้ถึง 5 km แน่นอนครับ

ซึ่งผมมาได้ค้นพบว่า ปัญหาของผมคือ ท่าวิ่ง ครับ

มีท่านพี่ที่เคารพท่านนึงจากสนามบาสที่ผมไปเล่นอยู่ทุกอาทิตย์นี่แหละ(แกวิ่งวันละ 20-30 กม ตอนเช้า ละตอนบ่ายก็มาเล่นบาส โหดกว่าผมเยอะ) ชี้ทางสว่างให้
แกว่า

ดูจากการเล่นบาสด้วยกันแล้ว ไม่น่าจะเจ็บเข่าง่ายขนาดนี้ ปกติคนสูง(ผม)เจ็บเข่าเนี่ย มีสาเหตุหลักๆ คือ มักจะก้าวยาวไป ให้ลองปรับเป็นก้าวให้สั้นลง และให้แรงดึงขาออกมาจากสะโพก

ผมนี่โง่เลย สารภาพเลยว่าไม่เคยเอาแรงออกมาจากสะโพกเลย แต่มันเอาออกมายังไงหว่า จากสะโพก จนต้องไป research หน่อย จนเจอคลิปด้านล่าง เป็นการสอนพื้นฐานการวิ่งจากโค้ชเดี่ยว อดีตนักวิ่งวิบากทีมชาติ

ท่านใดสนใจ อยากให้ดูให้จบและเอาท่า drill ที่โค้ชเดี่ยวสอนไปฝึกกันนะครับ ดีหมดทุกท่า

กลับมาที่ปัญหาของผม หลังจากดูคลิปจบก็ได้ muscle memory จากการทดลองวิ่งท่าเตะหน้าดู และยังได้อีก 1 หลักการคือ การออกแรงวิ่งจากขา จะไม่มาจากกล้ามเนื้อขาขานะ แต่จะมาจากข้อต่อ(สะโพก หัวเข่าและข้อเท้า)และเส้นเอ็นก่อนกล้ามเนื้อน่องหรือต้นขา

วันนี้ไปวิ่งครับ ลองของใหม่เลย ไม่ซ้อมครับ เอา muscle memory มาลองเลย พยายามให้ pace อยู่ที่ 7–8 พบว่าเลย กม ที่ 10 ยังไม่เจ็บครับ

แรงก็เหลือ หายใจก็ยังสบาย ไม่มีหอบเลย เอ้าาา กดให้ต่ำกว่า 7 สิวะ จัดดดด

ปรากฎว่า เข่างอแงสิครับ วิ่งไปสักหน่อย อยู่ดีๆ ก็มานึกถึงท่าใน video นี่แหละครับ ว่าขาดอะไรไป วิ่งไปเรื่อยๆ ละพบว่า เราดีดส้นไม่สุดว่ะ

พอเอาสามสิ่งมารวมกัน คือ แรงยกขาออกจากสะโพส ให้แรงจากข้อต่อ และดีดส้น เท่านั้นแหละครับ เหมือนได้ขาใหม่ ติดสะปริง ดู กม ที่ 12–13 นะครับ ดีดมากครับ

และก็จบ 21 km แบบไม่เจ็บเลยครับ แต่จบแบบหิวๆ โคตรๆ ช่วงท้ายแรงตกครับ เพราะหิวล้วนๆ เลย

สำหรับท่านใดที่มีปัญหาเหมือนผม อยากให้มาลองย้อนดูท่าวิ่งของท่านเองนะครับ เช่นผมเอง

จากเจ็บที่ กม ที่ 10 พอปรับท่าวิ่งหน่อยเดียวเอง กลายเป็นจบ 21 แบบไม่เจ็บเลย 

ให้อ้างอิงจากการสอนของโค้ชเดี่ยวในคลิปที่ผมแปะไว้นี่แหละครับเป็นแนวทาง ถ้าตรงไหนเป็นจุดอ่อนของท่าน(แต่ละท่านก็มีพื้นฐานการวิ่งและความแข็งแรงจากกล้ามเนื้อที่ต่างกันนะครับ) ก็ฝึกตามพื้นฐานที่โค้ชเดี่ยวสอนไว้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งของท่านได้แน่นอน

ส่วนผมเอง คงต้องฝึกให้ชินกับท่าวิ่งใหม่นี้อีกสักพัก คงได้ยกระดับการวิ่งอีกแน่นอน

ขอให้ทุกท่านสนุกกับการวิ่งครับ

--

--

Neng Liangpornrattana

A data plumber, basketballer, workout addicted, dog and cat lover